หยุดเผาอ้อย เพื่อลดมลพิษ ลดโลกร้อน และลดการเกิดอัคคีภัย
ช่วงเดือน ธันวาคมถึงเดือนมีนาคม เป็นช่วงเก็บเกี่ยว อ้อย เกษตรกรส่วนใหญ่จะใช้วิธีการจุดเผาใบอ้อยเพื่ออำนวยความสะดวกต่อการเก็บเกี่ยวผลผลิตนั้น การจุดเผาอ้อยส่งผลทำให้มีกลุ่มควันและเขม่าอ้อยปลิวไปตามพื้นและบริเวณชุมชนที่ใกล้เคียงส่งผลให้เกิดมลพิษ เกิดเศษจากการเผาตกเลอะบ้านเรือนและชุมชนเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังเป็นสาเหตุเสี่ยงทำให้เกิดไฟไหม้บริเวณใกล้เคียงที่จุดเผาไฟอ้อย เพราะอาจเกิดไฟไหม้ลุกบ้านไปบ้าน ต้นไม้ หรือผลผลิตอื่นๆของประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียง และอาจส่งผลเสียต่อประชาชนได้
การเผาอ้อย จะทำให้ความอุดมสมบูรณ์ของดินลดลงและทำให้โครงสร้างของดินไม่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของอ้อย ทำให้เสียค่าใช้จ่ายดูแลรักษาเพิ่มขึ้น เพราะไม่มีเศษซากอ้อยต่างๆ คลุมดิน เกิดวัชพืชขึ้นง่าย โตเร็ว ส่งผลต่อต้นทุนการกำจัดวัชพืชเพิ่มขึ้นตาม อีกทั้งการเผาจะทำให้ตออ้อยถูกทำลาย อ้อยงอกช้ากว่าปกติหรืออาจจะไม่งอกเลย การเจริญเติบโตช้า ไว้ตอไม่ได้ และไม่ทนทานต่อสภาพความแห้งแล้ง และยังทำลายแมลงที่มีประโยชน์ (ตัวห้ำ-ตัวเบียน) ที่ช่วยควบคุมและกำจัดแมลงศัตรูถูกทำลาย เกิดการระบาดของแมลงศัตรูอ้อยได้ง่าย เช่น หนอนกอ ตลอดจนอาจส่งผลต่อตลาดน้ำตาล เนื่องจากประเทศที่พัฒนาแล้วอาจจะนำมาเป็นข้ออ้างงดซื้อน้ำตาลจากประเทศไทยได้ เนื่องจากการเผาอ้อยจะทำให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม และภาวะโลกร้อนที่รุนแรงขึ้น ดังนั้น จึงอยากขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่ต้องร่วมกันให้ข้อมูลแก่เกษตรกร ซึ่งนอกจากจะช่วยรักษาคุณภาพของอ้อยแล้ว ยังเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมตอบรับกระแส ลดมลพิษ ลดโลกร้อน ที่ทุกคน ทุกชาติกำลังตื่นตัวกันอยู่ในขณะนี้
ข่าว ณ. วันที่ 17 มิ.ย. 2563 เวลา 11.24 น. โดย คุณ ภควดี กลิ่นฟุ้ง
ผู้เข้าชม 161 ท่าน |